การดูแลเส้นผมลูก มีความสำคัญเพราะการที่เด็กมีผมนุ่มลื่น หวีง่าย ไม่พันมักจะเกิดกับเด็กที่มีสุขภาพดี กินอาหารที่ถูกสัดส่วนจึงทำให้มีสุขภาพผมที่แข็งแรง แต่ก็มีเด็กอีกหลายคนที่มีปัญหาผมพันกันจนเป็นผมยุ่งเหยิง โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงด้วยแล้ว คุณแม่ต้องรีบหาวิธีในการบำรุงสุขภาพผม เพื่อแก้ไขปัญหาผมพันกัน ด้วยอาหารผมที่บำรุงด้วยการกิน และบำรุงผมจากภายนอกด้วยการนวดน้ำมันที่ใช้ใส่ผมและหวีอย่างถูกวิธีก็จะแก้ไขได้ มาดูวิธีการการดูแลเส้นผมลูกกันในบทความนี้กัน

การดูแลเส้นผมลูก ที่ต้องใส่ใจ

การดูแลเส้นผมลูก คืออีกสิ่งสำคัญไม่แพ้การดูแลสุขภาพอื่นๆ ที่คุณแม่ต้องเอาใจใส่ คอยบำรุงและดูแล ควรเลือกยาสระผมเด็กสูตรอ่อนโยน ไม่มีสารเคมี เป็นมิตรกับ ผิวบอบบางและผิวแพ้ง่ายอย่างผิวเด็ก และยังมีเคล็ดลับอีกมากมายสำหรับคุณแม่ในการดูแลเส้นผมของลูกให้สวยสุขภาพดีและแข็งแรงตั้งแต่แรกเกิด

เห็นไหมว่า การดูแลเส้นผมลูกนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่อย่าลืมว่าผิวและผมของลูกน้อยยังบอบบางและแพ้ง่ายอยู่ ดังนั้นของใช้เด็กแรกเกิดอย่างยาสระผมเด็กที่เลือกใช้ ต้องมั่นใจว่าอ่อนโยนจริงและไม่มีสารเคมีที่จะก่อให้เกิดการระคายเคือง จนอาจทำให้ลูกเกิดอาการระคายเคืองตา คันผิว เป็นผด ผื่นแดง เท่านี้คุณแม่ก็สบายใจหายห่วงได้แล้ว เพราะลูกน้อยมีผมที่ดกดำ เงางาม นุ่มลื่น และสุขภาพดี

ลูกไม่ชอบสระผมทำอย่างไรดี

  • นิทาน

อ่านนิทานที่เกี่ยวกับเด็กๆที่ไม่ยอมสระผม ให้ลูกได้เรียนรู้จากนิทานว่าหากไม่สระผม จะเป็นอย่างไร จะเกิดอะไรขึ้นกับหนังศีรษะ เมื่อทุกครั้งที่สระผม แล้วเริ่มมีปัญหา ให้คุณแม่พูดถึงตัวละครในนิทานที่ไม่ยอมสระผมว่าเป็นอย่างไร เพื่อเป็นการกระตุ้นเตือนใจลูกๆ ลูกก็จะเข้าใจและยอมทำตามโดยดี นิทานที่แนะนำ คือ เรื่องกุ๋งกิ๋งหัวเหม็น ลองหามาอ่านให้ลูกฟังกัน

  • อย่าใช้อารมณ์

เวลาที่ลูกไม่ยอมสระผม คุณแม่อย่าใช้อารมณ์  อย่าล็อคตัวราดน้ำหรือรดน้ำไปบนหัวลูกเด็ดขาด จะยิ่งทำให้ลูกมีความรู้สึกกลัวการสระผม แล้วหากลูกสะบัดคอหนี เกิดน้ำไหลเข้าหูอีก แย่แน่ๆ คุณแม่ควรค่อยๆพูดปลอบ หาของเล่นมาล่อให้ลูกเพลินๆ จะดีกว่าลูกจะได้ไม่มีประสบการณ์ที่เลวร้ายในการสระผม

  • ใช้หมวกโฟมสำหรับสระผมเด็ก

ที่เป็นแผ่นบางๆกลมๆ มีรูขนาดใหญ่พอที่หัวจะสวมได้  มีปีกบานๆไว้กันน้ำลงหน้า  สวมไว้ที่ศีรษะ กดลงมาให้ผมไปอยู่ข้างบนเหนือหน้าผาก เวลาสระผม น้ำจะไม่ไหลลงมาโดนหน้าเลย ลูกก็จะไม่รู้สึกอะไร

  • ซื้อเตียงสระผมสำหรับเด็ก

การดูแลเส้นผมลูก

การดูแลให้ผมลูกสวยสุขภาพดี

อยากให้การดูแลเส้นผมลูกสวย ไม่พันกัน คุณแม่สามารถดูแลได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

1. ควรหวีผมให้ลูกก่อนสระผม

การดูแลเส้นผมลูกก่อนการสระผมให้ลูก คุณแม่ควรหวีผมที่กระจุกตัวกันเป็นก้อน ให้แยกออกจากกันเสียก่อนในขณะที่ผมยังแห้ง โดยใช้หวีที่มีซี่ห่างมาสางผมเบาๆ และหวีอย่างเบามือ เพื่อป้องกันผมขาดหลุดร่วง หลังจากนั้นจึงค่อยใช้น้ำชะโลมผมให้เปียก แล้วใช้แชมพูเทใส่มือขยี้จนเกิดฟองนุ่มดีแล้ว จึงนำไปทาให้ทั่วผมที่เปียก ลูบให้ฟองทั่วทั้งศีรษะ ใช้นิ้วนวดวนเบาๆ จนทั่วศีรษะของลูก แล้วล้างฟองออก

2. ควรใช้ครีมนวดผม

การดูแลเส้นผมลูกที่มีผมบางและมีเส้นผมเส้นเล็ก จะทำให้มีโอกาสที่ผมจะพันกันได้ง่ายกว่าเด็กที่มีผมเส้นใหญ่ การใช้ครีมนวดนวดเส้นผมหลังสระผม จะช่วยให้เส้นผมของลูก นุ่มลื่นมีน้ำหนักได้มากขึ้น ช่วยลดปัญหาผมพันกันได้ หลังจากสระผมด้วยแชมพูแล้วใช้ครีมนวดผมทาให้ทั่วเส้นผม ทิ้งไว้สักครู่แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดจนหมดคราบครีมนวดผม ใช้ผ้าขนหนูซับน้ำให้แห้ง ระหว่างที่ผมเปียกไม่ควรหวีผม

3. หลีกเลี่ยงสี่งที่ทำให้ผมเสีย

การดูแลเส้นผมลูกให้หลีกเลี่ยงความร้อนที่เป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้ผมเกิดการเสียแห้งกรอบ ซึ่งความร้อนนอกจากแสงแดดแล้วควรหลีกเลี่ยงการใช้ไดร์เป่าผม หากมีความจำเป็นต้องเป่าผมให้ลูกหลังจากสระผม ควรใช้เป็นลมเป่าอุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาปลูกผม ปลูกคิ้วซึ่งเป็นของผู้ใหญ่มาใช้กับเด็ก เพราะอาจทำให้เด็กมีอาการแพ้ได้

4. เล็มผมอย่างสม่ำเสมอ

ในกรณีที่เด็กมีผมเสียแตกปลายหรือผมพันกันคุณแม่ควรหมั่นเล็มปลายผมที่มาพันกับเส้นผมอื่น ๆจนทำให้เกิดผมรวมตัวกันเป็นกระจุก หากเล็มผมให้สั้นอยู่เสมอก็จะทำให้ลดปัญหาผมพันกันได้ และเป็นการดูแลเส้นผมลูกไม่ให้เกิดผมเสีย

5. บำรุงเส้นผมจากภายนอกด้วยน้ำมัน

ใช้น้ำมันที่ช่วยบำรุงการดูแลเส้นผมลูกไม่ให้พันกันซึ่งใช้ปลอดภัย ได้แก่ น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก โดยใช้น้ำมันมะพร้าวเพียงเล็กน้อยประมาณ 1 หยดขยี้ให้ทั่วฝ่ามือคุณแม่แล้วลูกบริเวณเส้นผมของลูกเบาๆ หลังจากนั้นค่อยๆ หวีเส้นผมให้ลูก ก็จะช่วยให้การหวีผมทำได้ง่ายและสะดวกขึ้น ทั้งนี้หากทำในช่วงวันหยุดที่ไม่ไปโรงเรียนก็จะเป็นการดี ซึ่งหลังจากทาน้ำมันแล้วก็ควรสระผม ซึ่งการใช้วิธีนี้หลังจากสระผมแล้วอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้ครีมนวดผมก็ได้ เป็นการดูแลเส้นผมลูกที่ง่ายและได้ผล

6. หวีผมให้ถูกวิธี

การหวีผมไม่ถูกวิธีก็อาจทำให้เส้นผมเสียหาย ผมขาด หรือสร้างความยุ่งยากในการหวีผมให้ลูกได้มากขึ้นเช่นกัน หากให้ความสำคัญในการหวีผมสักนิด โดยการใช้หวีที่เหมาะสมกับเส้นผมของลูกซึ่งมีอ่อนนุ่ม หวีที่เหมาะกับผมของลูกต้องมีปุ่มนวดหนังศีรษะไปด้วย จะช่วยกระตุ้นให้เลือดมาหล่อเลี้ยงเส้นผมได้มากขึ้น การหวีผมควรหวีไปในทิศทางลงของเส้นผม หวีด้วยความเบามือ

7. กินอาหารบำรุงเส้นผม

อาหารมีส่วนสำคัญมากที่สุดในการบำรุงและการดูแลเส้นผมลูก ในช่วงขวบปีแรกที่ลูกกินนมแม่อย่างเดียว หรือในเด็กบางรายที่ได้รับอาหารเสริมโปรตีนเป็นประจำ จะสังเกตได้ว่าเส้นผมลูกจะดกดำมาก ไม่มีปัญหาผมพันกันหรือผมบางเลย ทั้งนี้จึงให้ความสำคัญเรื่องอาหารสำหรับลูกน้อย คุณแม่ควรจะจัดอาหารที่มีสารอาหารบำรุงเส้นผมมาให้ลูกกินอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งอาหารที่ช่วยในการบำรุงและการดูแลเส้นผมลูกลูกน้อยได้แก่ ไข่แดง ตับหมู ตับไก่ ปลาแซลมอน ถั่วเมล็ดแห้ง เมล็ดฟักทอง งาดำ กล้วยหอม ผักใบเขียว นม โยเกิร์ต และชีส ในเด็กเล็ก คุณแม่อาจจัดเป็นเมนูที่กินง่ายเช่น โจ๊กหมูสับใส่ตับและไข่  ซุปฟักทอง และผักโขมอบชีส โดยหมุนเวียนเปลี่ยนเมนู เพื่อให้ได้รับสารอาหารอย่างหลากหลายช่วยให้ร่างกายดูดซึมไปใช้บำรุงหนังศีรษะและเส้นผมได้ดี

8. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเส้นผมที่อ่อนโยนต่อผิวลูก

การเลือกใช้แชมพู และครีมนวดผมที่เหมาะสมกับเส้นผมและหนังศีรษะของลูก ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับเส้นผมแต่ละยี่ห้อก็ล้วนแต่มีความโดดเด่นในด้านการดูแลเส้นผม มีความอ่อนโยนต่อผิวลูก ปราศจากสารเคมีที่กระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ แต่ในเด็กบางรายเมื่อใช้แล้วอาจมีอาการแพ้ได้ ทั้งนี้เมื่อคุณแม่ใช้แชมพู ครีมนวดผมให้ลูกแล้วต้องสังเกตว่าลูกมีผื่นแดง คัน หรือมีผิวแห้งหรือไม่

9. หากผมยาวควรรวบผมหรือถักเปีย

เมื่อเด็กต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง ปลูกต้นไม้ ทากาวแปะกระดาษหรือเล่นเครื่องเล่นที่สวนสนุก ให้คุณแม่ทำการมัดผมหรือถักเปียของเด็กที่ผมยาวให้เรียบร้อยก่อน หากใส่หมวกได้ก็จะเป็นการป้องกันที่ดี หลังจากนั้นให้เด็กออกไปตะลุยค้นหาประสบการณ์ได้อย่างไร้กังวลเรื่องเส้นผมเลอะกาว ดิน โคลน น้ำหวาน หรืออื่นๆ ที่ทำให้เส้นผมพันกันจนต้องมานั่งแกะเส้นผมภายหลัง

การใช้วิตามินบำรุงในการดูแลเส้นผมลูก

สำหรับคุณแม่หลายคนการใช้วิตามินบำรุงผมในการดูแลเส้นผมลูกฟังดูแล้วอาจเป็นเรื่องที่คุ้นเคย แต่แน่นอนว่าคุณพ่อคุณแม่มักไม่ค่อยนิยมนำมาใช้กับเจ้าตัวเล็ก ซึ่งในความเป็นจริงแล้วนั้นการใช้วิตามินบำรุงผมกับเด็กๆ นั้นมีประโยชน์มากมายกว่าที่คุณพ่อคุณแม่คิด ซึ่งประโยชน์ของการใช้วิตามินบำรุงผมใช้ในการดูแลเส้นผมลูกมีดังนี้

1. บำรุงผมเด็กให้หนาขึ้น

สำหรับคุณแม่หลายๆ คน มันเป็นการคาดเดาได้ยากมากว่าเจ้าตัวเล็กของคุณแม่จะเกิดมามีเส้นผมที่หนาเงางาม ผมอาจจะบางจนเห็นหนังศีรษะ หรืออาจจะหัวล้านไปเลยก็ได้นั้นเอง ดังนั้น การใช้วิตามินบำรุงผมให้กับลูกน้อยจึงกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำคัญสำหรับคุณแม่ที่จะนำมาเป็นตัวช่วยในการบำรุงเส้นผมของลูกน้อยให้หนาขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กๆ ที่มีแนวโน้มว่าจะมีผมที่บางตั้งแต่เกิด

โดยวิตามินบำรุงที่ใช้ในการดูแลเส้นผมสำหรับเด็กนั้น มักมีส่วนผสมจากธรรมชาติที่จะช่วยให้เส้นผมของทารกหนาขึ้นตัวอย่างเช่น วิตามินบำรุงผมจากแคนเดิลนัทซึ่งเป็นส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติ

นอกจากนี้ จากการศึกษายังพบว่าน้ำมันที่มาจากผลแคนเดิลนัทนั้นมีกรดโอเลอิกสูงทำให้มีส่วนช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม นี่จึงเป็นเหตุที่ว่าทำไมแคนเดิลนัทจึงถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายยาวนานหลายชั่วอายุคน

2. เอาชนะอาการผมร่วง

คุณแม่จำเป็นต้องตระหนักเอาไว้ในใจเสมอว่าลูกน้อยก็อาจมีอาการผมร่วงได้เช่นกัน ซึ่งอาการเช่นนี้มักจะพบได้บ่อยๆ ในช่วง 6 เดือนแรกเกิด โดยช่วงที่มีอาการผมร่วงรุนแรงที่สุดจะเป็นช่วงที่ลูกน้อยมีอายุครบ 3 เดือนนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม อาการผมร่วงนี้เป็นเรื่องปกติ ดังนั้น คุณแม่ไม่จำเป็นต้องกังวลมากจนเกินไป เพราะผมของเขาจะกลับมาขึ้นใหม่อีกครั้งและมากกว่าเดิมเมื่อเขามีอายุ 6 ถึง 12 เดือน โดยในระหว่างนี้คุณแม่สามารถใช้วิตามินบำรุงที่ใช้ในการดูแลเส้นผมสำหรับเด็ก เป็นตัวช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมได้อีกทาง

3. บำรุงหนังศีรษะให้แข็งแรง

สภาพหนังศีรษะที่ไม่แข็งแรงอาจทำให้เจ้าตัวเล็กของคุณแม่จะต้องเผชิญกับ ‘ภาวะต่อมไขมันอักเสบในเด็กทารก’ ซึ่งมีลักษณะเป็นสะเก็ด แผ่นแข็งๆ หรือแผ่นมันๆ สีเหลืองบนหนังศีรษะของทารกนั่นเอง ซึ่งภาวะนี้จะไม่ส่งผลให้ทารกรู้สึกเจ็บหรือคันหนังศีรษะแต่อย่างไร แต่ขณะเดียวกันหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการดูแลและรักษาอย่างถูกต้อง สะเก็ดแข็งๆ แบบนี้ก็จะหลุดออกได้ยาก

ดังนั้น การเลือกใช้วิตามินบำรุงผมสามารถช่วยดูแลหรือป้องกัน ‘ภาวะต่อมไขมันอักเสบในเด็กทารก’ ได้ ซึ่งคุณแม่สามารถทำได้หลังจากทำความสะอาดเส้นผมของเขาด้วยแชมพูเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากความสะอาดของเส้นผมและหนังศีรษะก็เป็นสิ่งสำคัญและยังสามารถช่วยหลีกเลี่ยงไม่ให้ลูกน้อยตกอยู่ใน ‘ภาวะต่อมไขมันอักเสบในเด็กทารก’ ได้อีกด้วยนั่นเอง

4. บำรุงเส้นผมเด็กให้แข็งแรง

การดูแลเส้นผมสำหรับเจ้าตัวเล็กนั้นเป็นสิ่งที่ควรทำเช่นกัน เพราะเส้นผมของเจ้าตัวเล็กยังต้องการสารอาหารไปบำรุงเพื่อให้ดูเงางาม หนาขึ้น และมีสุขภาพดีขึ้น แน่นอนว่าวิตามินบำรุงผมสามารถช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตและความแข็งแรงของเส้นผมได้

5. เอาชนะปัญหารังแค

แม้ว่าเจ้าตัวเล็กของคุณแม่จะยังดูเด็กเกินไป แต่ปัญหารังแคก็สามารถเกิดขึ้นได้ โดยรังแคในเด็กที่ปรากฏให้คุณแม่พบเห็นนั้นไม่ได้มีปัจจัยในการเกิดเช่นเดียวกับผู้ใหญ่ แต่เป็นเพราะผิวหนังของเขานั้นยังบอบบางและแพ้ง่ายจนทำให้หนังศีรษะของเกิดอาการแห้งและระคายเคือง และกลายเป็นรังแคนั่นเอง

แน่นอนว่าการใช้วิตามินบำรุงผมเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีและสามารถช่วยแก้ปัญหารังแคให้กับเจ้าตัวเล็กได้ เนื่องจากผู้ผลิตวิตามินบำรุงผมบางรายใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติเพื่อช่วยปกป้องหนังศีรษะที่บอบบางของทารกและปราศจากรังแค

การดูแลเส้นผมลูก

ไอเดียทรงผมเด็กหญิง

ทรงผมของลูกถือเป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่บางท่านอาจจะกำลังปวดหัวกันอยู่ใช่ไหม ว่าจะทำทรงไหนให้ลูกไปโรงเรียนแบบที่ลูกชอบดี ขอนำเสนอ 10 ไอเดียทรงผมทำง่ายที่ถูกคัดเลือกมาแล้วว่าลูกสาวของคุณต้องเลิฟแน่นอน

1. ทรงผมหางเปียคู่

คุณพ่อคุณแม่สามารถทำทรงหางเปียมวยคู่หูให้ลูกได้ในเวลาอันสั้น เพียงแค่มัดจุก 2 ข้าง แล้วถักเปียรวบขึ้นอีกที หรือจะไม่ถักเปียเเล้วรวบขึ้นไปมัดเลยก็ได้ การทำผมทรงนี้ให้ลูกรัก จะทำให้ลูกไม่ร้อนเวลาที่พวกเขาไปวิ่งเล่นสนุกกับเพื่อน และการทำเป็นมวยคู่เกล้าผมขึ้นข้างบนหัวนั้น ผมจะไม่หล่นลงมาปิดหน้าเมื่อลูกเล่นกัน

2. ทรงลอนดอน

ทรงลอนดอนเป็นทรงยอดนิยมของลูกๆทั้งหลาย แถมทำง่ายแสนง่ายอีกตะหาก แค่จับรวบปลายผมทั้ง 2 ข้างมามัดรวมกันตรงกลาง จากนั้นติดโบว์เพิ่มความน่ารักเข้าไป ใช้ได้กับลูกที่มีผมตรงและผมหยักโศกได้เลย

3. ทรงเปียปีกผีเสื้อ

การทำทรงนี้คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องมีทักษะในการถักเปียบ้างพอสมควร เพราะต้องถักเปียก้างปลาให้ลูกทั้ง 2 ข้างก่อน แล้วจึงค่อยม้วนปลายผมขึ้น ไม่ให้ผมหล่นลงมา ทรงนี้รับรองว่าลูกต้องชอบแน่นอน เพราะน่ารักและเรียบร้อยในเวลาเดียวกัน รับรองเลยว่า ถ้าทำทรงนี้อยู่ได้ทั้งวันแน่นอน

4. ทรงตะวันเลื้อยหลัง

ทรงนี้เป็นทรงที่ลูกจะรู้สึกสบายหัวมากๆ เพราะแค่ถักเปียอ้อมหลัง แล้วเว้นระยะห่างระหว่างช่องเปียไว้พอควร จากนั้นจึงนำผมข้างหน้าที่เหลือมาทำเป็นช่อ แล้วสอดผมเข้าไปข้างใน เพียงเท่านี้ก็จะได้ทรงผมที่ไม่ลงมาปิดหน้า ส่วนข้างหลังก็สวยงามเป็นระเบียบเหมือนไม้เลื้อยแล้ว

5. ทรงสะพานมงกุฎ

ทรงนี้เป็นทรงที่เหมาะสำหรับเด็กที่มีหน้าม้ายาว แล้วไม่อยากให้หน้าม้ามาปิดหน้า ทำได้ง่ายโดยการถักผมเปียตะขาบบนหน้าม้านั่นเอง แบบนี้ก็น่ารักแบบแฟชั่นไปรัวๆ

6. ทรงเปียก้างปลาดับเบิลทู

ทรงเปียก้างปลาดับเบิลทูถูกดัดแปลงมาจากการถักผมเปียธรรมดาแสนน่าเบื่อ มาเป็นการถักเปียก้างปลาแล้วเอามาไขว้กันเป็นกากบาท แล้วมัดที่ปลายผมทั้ง 2 ข้าง เพิ่มความน่ารักเข้าไปอีก

 7. ทรงชิเมโจได๋

ทรงนี้เป็นทรงที่ลูกสามารถออกงานได้ คุณพ่อคุณแม่ควรหัดทำให้เป็น เพราะมันมีความน่ารัก เรียบร้อย และดูสง่าในเวลาเดียวกัน การทำทรงนี้เพียงแค่เรามัดผมข้างหน้าเป็นปล้องๆ มัดเรียงไปเรื่อยๆ จนถึงประมาณกลางหัว แล้วมัดรวบผมขึ้นเป็นดังโงะ ติดโบว์ให้น่ารัก เท่านี้ลูกก็ไปโรงเรียน หรือไปออกงานได้ง่ายๆ แล้ว

8. ทรงคุณหนูตัวจิ๋ว

เป็นทรงผมที่ดูเรียบง่าย แต่ดูเป็นลุคคุณหนูตัวจิ๋วมากๆ แถมวิธีการมัดก็ง่ายมากด้วยเช่นกัน เพียงแค่จับผมเป็นกระจุก 2 ฝั่ง มัดผมให้เป็นปมฝั่งใดฝั่งหนึ่ง แล้วสอดผมที่เหลือเข้าไปในผมอีกที จากนั้นให้มัดรวบผมข้างหลังแบบธรรมดา เท่านี้ลูกรักก็จะได้ลุคคุณหนูตัวจิ๋วแล้ว

9. ทรงม้าเต่อ

ทรงผมหน้าม้าเต่อเป็นทรงที่ยอดฮิตของลูกใครหลายๆ คน เพราะไม่ต้องเซ็ตผมอะไรมากมาย ปล่อยผมเซอร์ แล้วตัดหน้าม้าเต่อ ลูกก็จะน่ารัก สดใส สมวัยแล้ว

10. ทรงมงกุฎดอกไม้ความสวยและความน่ารักเต็ม 10 สำหรับทรงผมลูกน้อยทรงนี้เลย “ทรงมงกุฎดอกไม้” ที่เมื่อลูกทำแล้วจะเหมือนกับสวมมงกุฎดอกไม้อยู่จริงๆ วิธีทำก็แสนง่าย เพียงแค่ทักเปียก้างปลาทั้ง 2 ข้าง แล้วรวบขึ้นพาดผมข้างบนหัว ติดกิ๊บเพื่อให้ผมอยู่ทรง

 

การดูแลเส้นผมลูกให้ลูกในช่วงวัยที่ยังเป็นเด็กเล็กก่อนวัยเรียนจะทำได้ง่ายกว่าเด็กช่วงวัยเรียน เนื่องจากส่วนใหญ่เด็กจะอยู่ใกล้ชิดคุณพ่อคุณแม่ ส่วนเด็กที่ไปโรงเรียนมีโอกาสเจอสิ่งแปลกปลอมที่ทำให้ผมพันกันได้ง่ายกว่า อีกทั้งเด็กอาจจะมีการเลือกกินอาหารที่ตัวเองชอบ ซึ่งบางครั้งก็จะขาดวิตามินที่ช่วยบำรุงเส้นผม จึงทำให้มีปัญหาเรื่องผมพันกันได้นั่นเอง

 

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับเด็ก

ที่มาของบทความ

 

ติดตามอ่านเรื่องเกี่ยวกับเด็กได้ที่ visitlochewe.com
สนับสนุนโดย  ufabet369